ลิ เว อ พูล การแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นการหยุดชั่วคราวที่น่ายินดีสำหรับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ทีมท็อปโฟร์ใน ตารางบอลพรีเมียร์ลีค ช่วงเวลาในการรีเซ็ตและประเมินใหม่หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลอย่างร้อนระอุ ความพ่ายแพ้และการแสดงที่น่าเบื่อทำให้ฤดูใบไม้ร่วง แน่นอนว่าเหตุผลดำเนินไป สิ่งต่าง ๆ จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว

แต่พวกเขามี เมื่อฤดูกาลฟุตบอลยุโรปเริ่มต้นใหม่ ปัญหาเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์และตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสน้อยมากที่จะจบในสี่อันดับแรก ดังนั้นการผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า

เป็นที่ยอมรับว่าลิเวอร์พูลสามารถเข้าร่วมการแข่งขันรายการสำคัญของฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้าได้หากคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในเดือนมิถุนายน ในทางคณิตศาสตร์แล้ว มันยังถือว่าไม่อยู่ในสมการสำหรับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะยังมีโปรแกรมการแข่งขันเหลืออยู่อีกมาก

ความจริงแล้ว ลิเวอร์พูล ตกรอบจากตำแหน่งรองจ่าฝูงในเดือนตุลาคม ผลการแข่งขันออกมาน่าสะพรึงกลัวมาก และตอนนี้ เพิ่งจะเข้าสู่ปีใหม่ ทีมของคล็อปป์พบว่าตัวเองมีคะแนนตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 แต้มซึ่งรั้งอันดับสี่

ลิ เว อ พูล มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? นี่คือสโมสรที่ต่อสู้เพื่อถ้วยรางวัลใหญ่ทั้ง 4 รายการในฤดูกาลที่แล้ว พลาดตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกไปหนึ่งแต้มในวันสุดท้ายของฤดูกาล และแพ้ให้กับเรอัล มาดริดในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก

อีกสองถ้วยคือ เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ ในฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลลงเล่น 63 นัด ด้วยอัตราการชนะ73%

นี่คือสโมสรที่ตั้งแต่คล็อปป์เข้ามาเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ก็คุ้นเคยกับการคว้าชัยชนะ การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์ การแข่งขันฟุตบอลถ้วย และการสรรหาผู้เล่นที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม

หงส์แดงตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์เพื่อคว้าตัว จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางชาวอังกฤษของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่เป็นที่ต้องการของสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

เมื่อเดือนที่แล้ว ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับโคดี กัคโป ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในยุโรป จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แต่มันคงเป็นการถามมากเกินไปที่จะคาดหวังให้เด็กอายุ 23 ปีสร้างผลกระทบที่เปลี่ยนโชคชะตาของ

แต่ผลงานในฤดูกาลนี้ชี้ให้เห็นว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้สูง เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า คล็อปป์ และคนของเขาสามารถพลิกสถานการณ์เพื่อฟื้นคืนชีพอย่างไม่น่าเชื่อได้หรือไม่