หนึ่งในแชมป์รายการสำคัญที่เหล่าขุนพล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสคือถ้วยยุโรปใบใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นั่นจึงเป็นสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับเหล่าบรรดาลูกทีม รวมถึงแฟนบอลเมืองสีฟ้าทั้งหลายต่างตั้งเป้าหมายว่า ซีซั่น 2022-23 อาจเป็นปีที่พวกเขาจะทำสำเร็จได้เสียที คำถามคือ โอกาสดังกล่าวมีมากน้อยแค่ไหน ลองมาวิเคราะห์ถึงปัจจัยต่าง ๆ ไปพร้อมกันได้เลย
จุดเด่นที่พร้อมคว้าแชมป์ UCL
1. ขุนพลแนวรุกสุดดุดัน
นับตั้งแต่ได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาร่วมทีม ต้องบอกว่าแนวรุกของ “เรือใบสีฟ้า” ดุดัน และจัดจ้านชนิดหาใครเปรียบไม่ได้จริง ด้วยสถิติการยิงประตูที่ชัดเจนมาก การเปิดเข้าไปยังกรอบเขตโทษมีเป้าหมายมากกว่าเดิม ขณะที่บรรดาตัวลากเลื้อยทั้ง ริยาด มาห์เรซ, แจ็ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น ยังอยู่กันครบ ด้านมิดฟิลด์ตัวปั้นเกมและยิงไกล อาทิ เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโด ซิลลา, อิลคาย กุนโดกัน, โรดริโก ก็พร้อมสลับกันเข้ามาซํพพอร์ตอยู่แล้ว งานนี้การกระหน่ำยิงจึงไม่ใช่เรื่องยาก
2. ความตั้งใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
นับตั้งแต่เข้ามาเป็นแม่ทัพในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ต้องยอมรับว่าถ้วยรางวัลที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือชาวสเปนคาดหวังเอาไว้สูงสุดย่อมหนีไม่พ้นรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แม้ซีซั่นก่อนจะเข้าใกล้มากสุดแต่ก็ยังไม่ถึงดวงดาว ความตั้งใจตรงนี้เองที่จะนำพาพวกเขาไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดหวังเอาไว้
จุดด้อยที่ต้องรีบแก้ไข
1. แนวรับยังไว้ใจไม่ได้
แม้แนวรุกจะจัดจ้าน ดุดันขนาดไหน แต่สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือ แนวรับของพลพรรคแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังมักทำได้ไม่ดีตามคาดหวัง หลายจังหวะเล่นพลาดง่าย ๆ หรือยืนดันสูงจนเพิลน พอโดนโต้กลับก็เสียประตูง่าย ๆ แบบนี้ก็พบเห็นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ยังคงเอาแน่นอนไม่ได้ นี่อาจเป็นปัญหาที่ทำให้ทีมไม่ถึงเป้าก็ได้เช่นกัน
2. ตัวสำรองที่พร้อมเปลี่ยนเกมยังไม่มี
การขายนักเตะอย่าง กาเบรียล เฆซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง แม้ภาพรวมอาจมองว่าไม่ได้กระทบอะไร แต่มันส่งผลถึงขุมกำลังที่ต้องเล่นบอลลายรายการในระยะยาวได้เช่นกัน เอาตัวอย่างง่าย ๆ สมมุติถ้า ฮาแลนด์ บาดเจ็บต้องพักสัก 2-3 เดือน พอย้อนกลับไปดูแนวรุกปรากฏแทบไม่เหลือกองหน้าธรรมชาติเอาไว้เลย นี่จึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องคอยระวัง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการเข้ารอบลึก ๆ ของพวกเขาเปิดกว้างขนานแท้ คงต้องรอติดตามเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดแล้วพวกเขาก้าวไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหน
