แม้ความฮือฮาของข่าวตลาดซื้อขายนักเตะซีซั่นนี้ หน้ากล้อง แสงไฟ อาจจับจ้องไปยังดีลบิ๊ก ๆ อย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์, ปอล ป๊อกบา, ดาวิน นูเญซ หรือแม้แต่ซาดิโอ มาเน่ แต่เชื่อเถอะว่าคงไม่มีดีลไหนที่ทำให้รู้สึกถึงความพองโตในหัวใจได้เท่ากับการย้ายทีมของ คริสเตียน อิริคเซ่น มิดฟิลด์สายพันธุ์โคนมที่ตัดสินใจท้าทายชีวิตอีกครั้งด้วยการโยกจากฝั่งเบรนท์ฟอร์ดมาสู่ทีมแถวหน้าแห่งเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นามว่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่มิดฟิลด์วัย 30 ปีรายนี้เขาพึ่งกลับมาจากการพักฟื้นระยะยาวซึ่งใครก็คงพอจำกันได้ดี โดยถ้าย้อนกลับไปในเกมฟุตบอลยูโร 2020 (ที่พึ่งเตะกันไปเมื่อปี 2021) เกมรอบแบ่งกลุ่มระหว่างเดนมาร์ก ปะทะกับ ฟินแลนด์ อยู่ดี ๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังครองบอลอยู่ก็เกิดเหตุการณ์ช็อกทั้งโลกเมื่อ อิริคเซ่น ล้มวูบลงคาสนาม ทำเอาบรรดาเพื่อนร่วมทีม นักเตะฝ่ายตรงข้าม แฟนบอลทั่วโลกต่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แถมจากการอัปเดตภายหลังยังระบุว่าหัวใจหยุดเต้นไปแล้วถึง 5 นาที!!!
ดังนั้นการกลับมาของเขาจึงเป็นเรื่องที่หลายคนยินดีมาก ๆ แต่ที่เซอร์ไพร์สกว่าคือ ไม่มีใครคาดคิดว่า อดีตมิดฟิลด์ของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ จะสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีก นี่จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าหากร่างกายไหว และมีหัวใจแข็งแกร่ง ไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถเอาชนะได้
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หลังอาการเจ้าตัวดีขึ้นหลังหมดสติในสนามไป เขาได้รับการผ่าตัดเพื่อทำการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า (Implantable Cardioverter Defibrillator หรือ ICD) เอาไว้ในร่างกายทันทีตรงบริเวณหน้าอก ตัวเครื่องมีขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือจะทำหน้าที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกไปกระตุ้นหัวใจเพื่อให้สามารถกลับมาเต้นได้อย่างถูกจังหวะอีกครั้ง ยกเว้นแค่กรณีเหตุสุดวิสัย เช่น หัวใจหยุดเต้น การเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ
เมื่อมีการพักรักษาตัวจนหายดี อิริคเซ่น วาดฝันจะกลับมาลงสนามในเกมกีฬาที่เขารักอีกครั้ง กระทั่งได้มีสโมสรเล็ก ๆ จากอังกฤษที่พึ่งเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดในซีซั่น 2021-22 อย่าง พญาผึ้ง เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งเป็นจังหวะที่ทีมกำลังฟอร์มหลุด
การเข้ามาของชายผู้นี้ได้ยกระดับทีมได้อย่างน่าทึ่ง และท้ายที่สุดพวกเขาจบด้วยอันดับ 13 ของตาราง เหนือทีมโซนตกชั้นถึง 9 แต้ม
การมีข้อเสนอชั้นยอดจากทางฝั่ง “ปีศาจแดง” มันคงยากที่เจ้าตัวจะปฏิเสธ แต่ในอีกมุมนี่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าหัวใจกับร่างกายของเขาพร้อมแค่ไหนในการกลับมายืนบนจุดสูงสุดในฐานะนักเตะระดับโลกอีกครั้ง
